ประวัติความเป็นมา ของ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5

         ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 เป็นหน่วยงานในสังกัด สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนกลางแต่มีที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค โดยมีสถานที่ตั้งอยู่ที่ ถนนวังเหนือ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง มีเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่  จังหวัดลำปาง, เชียงใหม่, ลำพูน, เชียงราย, แพร่, น่าน, พะเยา และแม่ฮ่องสอน

         ความเป็นมาของศูนย์พิสูจน์หลักฐาน5 สืบเนื่องมาจากในปี พ.ศ.2475 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชโองการให้จัดวางโครงการตำรวจขึ้นใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อกรมตำรวจภูธรเป็นกรมตำรวจ และให้เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยจัดแบ่งแผนกงานรายย่อยตามความเหมาะสม ซึ่งได้มีการจัดแผนกวิทยาการอยู่ในสังกัดเป็น กองที่สามของตำรวจสันติบาล ต่อมาในปี พ.ศ. 2483  ได้มีการปรับปรุงและขยายงานของกรมตำรวจ ได้จัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และให้งานด้านวิทยาการมาขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

         ในปี พ.ศ. 2500 ได้มีการจัดตั้งวิทยาการในส่วนภูมิภาค โดยกรมตำรวจได้รับความช่วยเหลือจากประเทศสหรัฐอเมริกาในสัญญาเรียกว่า The Civil Police Administration (C.P.A) มีหลักฐานแน่นอนเมื่อปี พ.ศ. 2500 ในสมัย Mr.Tracery Park เป็นผู้อำนวยการ ได้เริ่มช่วยเหลืองานด้านวิทยาการในกองทะเบียนประวัติอาชญากร นับตั้งแต่ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์เป็นอธิบดีกรมตำรวจ และได้เซ็นสัญญากับสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2500 โดยองค์กรบริหารวิเทศกิจสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย (U.S.O.M) ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำอบรมการเก็บลายนิ้วมือตามอย่างตำรวจสหรัฐอเมริกา จำนวน 3 นาย ยูซ่อมและกรมตำรวจได้ทำการตกลงกันโดยฝ่ายกรมตำ รวจเป็นผู้ออกเงินสร้างสถานที่ทำการวิทยาการจังหวัดและจัดหาครุภัณฑ์ที่ซื้อภายในประเทศได้ ฝ่ายยูซ่อมให้เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาการที่จัดหาในประเทศไม่ได้ ในด้านการฝึกอบรมบุคลากรด้านวิทยาการตำรวจ ในสัญญาระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา กำหนดหลักว่าถ้าอบรมภายในประเทศไทย รัฐบาลไทยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายตลอดการอบรม ถ้าอบรมต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาหรือประเทศที่ 3 ยูซ่อมจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

         ในปี พ.ศ.2503 กองบัญชาการสอบสวนกลางได้ปรับปรุงหน่วยงานใหม่ โดยยุบ “กองวิทยาการ” ออกจากสารบบทำเนียบราชการตำรวจและแยกงานของกองนี้ออกเป็น 2 กอง คือ กองพิสูจน์หลักฐาน และกองทะเบียนประวัติอาชญากรโดยขึ้นตรงต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจตั้งแต่ 13 กันยายน 2503 และในปี

         ปี พ.ศ. 2519 กรมตำรวจได้แบ่งส่วนราชการตามประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 45 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ได้กำหนดให้กองกำกับการวิทยาการ เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกองบังคับการตำรวจภูธร กองบัญชาการตำรวจภูธร

         ปี พ.ศ. 2532 กรมตำรวจมีนโยบายที่จะพัฒนาหน่วยงานวิทยาการตำรวจไปสู่ภูธรภาค โดยแยกกองกำกับการวิทยาการ และวิทยาการจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรมาเป็นหน่วยงานของวิทยาการตำรวจส่วนกลางโดยตรง  เป็นหน่วยงานในด้านวิทยาการตำรวจ ยกระดับเป็นเทียบเท่ากองบัญชาการ ควบคุมการปฏิบัติงานของวิทยาการตำรวจทั้งประเทศ มีชื่อว่า สำนักงานวิทยาการตำรวจ และ เป็นระดับการควบคุมการปฏิบัติของหน่วยรองลงมาในส่วนภูมิภาคเป็นเทียบเท่ากองบังคับการมีชื่อว่า " กองวิทยาการภาค "

         ปี พ.ศ. 2535 ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจใหม่โดยรวบรวมหน่วยงานด้านวิทยาการตำรวจ ซึ่งได้แก่ กองพิสูจน์หลักฐาน กองทะเบียนประวัติ และ งานวิทยาการในส่วนภูมิภาค ขึ้นเป็น สำนักงานวิทยาการตำรวจ ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากองบัญชาการ จึงทำให้สำนักงานวิทยาการตำรวจ กองวิทยาการภาค และ กองกำกับการวิทยาการเขต  ได้ถือกำเนิดตั้งแต่ วันที่ 15 ก.พ. 2535 และในปี พ.ศ. 2548 ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อจาก กองวิทยาการ ภาค 3  เป็น  กองวิทยาการ 3

         ปี พ.ศ.2552 ต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ให้ยกเลิก พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2548 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2552 เป็นต้นไป ส่งผลให้ กองวิทยาการ 3 เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5